|
ราคา | : 5,000,000 บาท |
ประเภทประกาศ | : ประกาศ/ประชาสัมพันธ์ |
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ | : 0900000000 |
|
จำนวนผู้เข้าชม | : 15 ครั้ง |
|
|
คลิกที่รูปภาพเพื่อดูขนาดใหญ่
Business Plan 8 ส่วนที่ธนาคารอยากเห็น (ฉบับยื่นกู้เข้าใจง่าย)
หลายกิจการมักถามว่า “จะยื่น สินเชื่อsme ให้ผ่าน ต้องเขียนแผนธุรกิจ (Business Plan) อย่างไร?” คำตอบสั้น ๆ คือ—ไม่ต้องยาวก็ได้ แต่ต้อง ครบ 8 ส่วน ที่ฝ่ายเครดิตใช้ประเมินว่าธุรกิจ “ทำจริง เข้าใจตลาด มีตัวเลขรองรับ และรู้ว่าจะใช้เงินกู้ทำอะไร” บทความนี้สรุปเป็นภาษาคนทำงาน อ่านแล้วลงมือจัดเอกสารได้ทันที โดยยึดกรอบเดียวกับที่หน่วยงานภาครัฐ/เอกชนไทยแนะนำ เช่น ประเด็น “วัตถุประสงค์การขอกู้–เอกสาร–ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์กับธุรกิจ” และ “เตรียมข้อมูลให้ครบถ้วน” ซึ่งเป็นหลักที่ธนาคารคาดหวังในการพิจารณาเบื้องต้น
หมายเหตุภาพรวม: ณ 8 ต.ค. 2568 กนง. “คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% (มติ 5 ต่อ 2)” สะท้อนวัฏจักรดอกอยู่โหมดทรงตัว–พร้อมผ่อนถ้าจำเป็น ทำให้ดีลสินเชื่อที่ข้อมูลครบและมีวินัยทางการเงิน มักพิจารณาได้เร็วกว่าในทางปฏิบัติ (จังหวะยังเอื้อ แต่ต้องเตรียมให้เนียน)
ส่วนที่ 1: Executive Summary & วัตถุประสงค์กู้ (หน้ากระดาษเดียวจบ)
นี่คือหน้า “เล่าเรื่องสั้นที่สุด” ว่าคุณคือใคร ทำธุรกิจอะไร กู้เท่าไร เอาไปทำอะไร และจ่ายคืนอย่างไร ให้คิดว่าเป็นสไลด์เดียวที่ผู้จัดการสาขา/คณะอนุมัติจะเห็นก่อนเอกสารอื่น
ควรมี
-
โปรไฟล์ธุรกิจ (ชื่อ, ประเภทธุรกิจ, อายุธุรกิจ, ทีมหลัก)
-
วงเงินที่ขอ + วัตถุประสงค์ชัดเจน (ลงทุนเครื่องจักร, ขยายสาขา, เสริมเงินทุนหมุนเวียน ฯลฯ)
-
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง (รายได้/กำไร/ประสิทธิภาพ) และ แนวทางชำระคืน (กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน)
-
คำยืนยันด้านความพร้อมเอกสาร (งบการเงิน, ภพ.30, สัญญา, รายชื่อลูกค้า/ซัพพลายเออร์)
แนวคิด “บอกวัตถุประสงค์กู้ให้ชัด–เตรียมข้อมูลครบถ้วน” เป็นข้อแรก ๆ ที่หน่วยงานรัฐแนะนำสำหรับการยื่นกู้ธุรกิจอย่างเป็นระบบ, ธนาคารอ่านแล้วเห็นภาพทันทีว่าดีลนี้ “ไปต่อได้” หรือไม่.
ส่วนที่ 2: ภาพรวมธุรกิจ & จุดเด่น (Business Overview & Edge)
เล่าธุรกิจให้เข้าใจใน 3–5 ย่อหน้า: เราแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้า กลุ่มลูกค้าหลักคือใคร โครงรายได้มาจากไหน จุดเด่นที่ทำให้ชนะคู่แข่งคืออะไร (เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ, ทำเล, สิทธิบัตร, ทีมผลิตที่ชำนาญงาน)
ทิป: ใช้ภาษาง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคเกินจำเป็น เน้นประเด็นที่ “สัมพันธ์กับการตัดสินใจสินเชื่อ” เช่น ความมั่นคงของออเดอร์, ฤดูกาลขาย, สัญญาระยะยาว, หรือความสัมพันธ์กับคู่ค้ารายใหญ่
ส่วนที่ 3: สินค้า/บริการ & ข้อเสนอคุณค่า (Product–Service & Value Proposition)
ธนาคารต้องการรู้ว่าเราขายอะไร มูลค่าอยู่ตรงไหน และลูกค้าตัดสินใจซื้อเพราะอะไร
ควรมี
-
รายการสินค้า/บริการหลัก (สัดส่วนรายได้โดยประมาณ)
-
คุณค่าที่ลูกค้าได้รับ (เช่น ประหยัดเวลา, คุณภาพสูงสม่ำเสมอ, บริการหลังขายที่เชื่อถือได้)
-
ราคาขาย/โครงกำไรโดยสังเขป (ไม่ต้องละเอียดเท่าไฟแนนเชียลโมเดล แต่พอให้เห็นมาร์จิ้น)
บทความความรู้หลายแหล่งย้ำว่า “ต้องนำเสนอรายละเอียดผลิตภัณฑ์ให้ชัดว่ามีศักยภาพสร้างยอดขายจริง” เพราะนี่คือฐานให้ธนาคารประเมินความเป็นไปได้ของรายได้ในอนาคต.
ส่วนที่ 4: ลูกค้า เป้าตลาด & คู่แข่ง (Customer–Market–Competition)
อธิบายตลาดที่เล่นอยู่ให้เห็นขนาด โอกาส และความเสี่ยง
ควรมี
-
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (B2B/B2C) และ “เหตุผลที่เลือกเรา”
-
ขนาดตลาดโดยคร่าว + เทรนด์สำคัญ (เช่น ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ, ร้านอาหารขยายครัวกลาง, e-commerce โต)
-
คู่แข่งสำคัญ 2–3 ราย + สิ่งที่เราทำได้ดีกว่า (หรือแตกต่าง)
ส่วนนี้แสดงว่าเรา “ทราบดี” ว่าตลาดแข่งขันอย่างไร และวางตำแหน่งไว้ตรงไหน—เป็นสัญญาณความเข้าใจธุรกิจ ซึ่งธนาคารให้คะแนนเชิงคุณภาพอยู่นิ่ง ๆ
ส่วนที่ 5: กระบวนการผลิต/บริการ & ซัพพลายเชน (Operations)
เล่าเส้นทางตั้งแต่วัตถุดิบ → การผลิต/บริการ → ส่งมอบ → เก็บเงิน ว่ามีคอขวดตรงไหน และเราแก้อย่างไร
ควรมี
-
ผังการทำงานย่อ (Flow) และเวลารอบหมุน (Lead time)
-
เกณฑ์คุณภาพหลัก (QC) และความเสถียรการผลิต/บริการ
-
ผู้ขายวัตถุดิบหลัก (มีสำรองกี่ราย) เงื่อนไขเครดิต
ธนาคารสนใจเพราะมันผูกกับ “ความเสี่ยงหยุดชะงัก” และ “รอบเงินสด” ที่กระทบการชำระหนี้โดยตรง
ส่วนที่ 6: แผนใช้เงินกู้ & ผลลัพธ์ที่วัดได้ (Use of Funds & KPIs)
สรุปว่าเงินกู้จะถูกใช้ทำอะไร รายการละเท่าไร และได้ผลอะไรกลับมา
ตัวอย่าง
-
ลงทุนเครื่องจักร 4.5 ลบ. → เพิ่มกำลังผลิต 30% → รายได้โตคาด 18–22% → ต้นทุนแรงงาน/หน่วยลด
-
เสริมทุนหมุนเวียน 2.0 ลบ. → ลดการพึ่ง OD → ลดดอกเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักทั้งพอร์ต
-
รีโนเวตร้าน 0.8 ลบ. → เพิ่มที่นั่ง 20% → ยอดขายช่วงพีกเพิ่ม
ตั้ง KPI เช่น รายได้/เดือน, อัตรากำไรขั้นต้น, สัดส่วนใช้ OD, เงินสดคงเหลือปลายเดือน เพื่อให้ฝ่ายเครดิต “เห็นภาพผลตอบแทนจากเงินกู้” ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย
ส่วนที่ 7: แผนชำระหนี้ & ความสามารถชำระ (Repayment & Affordability)
พูดให้ชัดว่าธุรกิจจะนำเงินที่ไหนมาจ่ายคืน พร้อมหลักฐาน
ควรมี
-
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (คาดการณ์ 12–24 เดือน)
-
ตารางค่างวดโดยประมาณ (หากเป็น สินเชื่อSMEไม่มีหลักทรัพย์2568 ระบุว่ามีผู้ค้ำหรือใช้โครงการค้ำประกันของรัฐ/บสย.หรือไม่)
-
ค่า DSCR เป้าหมาย (เช่น ≥ 1.2x) และ “เฮดรูม” กรณีรายได้ผันผวน
-
แผนรองรับฤดูกาล (เช่น โครงสร้างค่างวด step-up/seasonal ให้สอดคล้องยอดขาย)
แนวปฏิบัติ “รับผิดชอบต่อการให้กู้ (Responsible Lending)” ที่กำกับโดย ธปท./สมาคมธนาคารไทย เน้นความเหมาะสมของภาระหนี้ต่อความสามารถชำระ และการเปิดเผยความเสี่ยงอย่างโปร่งใส—การชี้ชัด DSCR/แผนชำระ จึงช่วยสร้างความมั่นใจได้มากในทางปฏิบัติ.
ส่วนที่ 8: ทีม–ธรรมาภิบาล & เอกสารประกอบ (People–Governance & Attachments)
สุดท้ายคือ “ความน่าเชื่อถือ” ของทีมและเอกสาร
ควรมี
-
ประวัติผู้บริหาร/หัวหน้าทีม (ประสบการณ์, ใบอนุญาต, ผลงานที่พิสูจน์ได้)
-
ระบบบัญชี/ภาษี/คู่มือควบคุมภายใน (เช่น แยกบัญชีส่วนตัว–ธุรกิจ, ตรวจนับสต็อก, อนุมัติการจ่าย)
-
รายการเอกสารแนบ (งบการเงิน 2–3 ปี, ภพ.30/ภงด., สัญญาซื้อขาย, สเตทเมนต์, ตารางหนี้, ภาพสถานประกอบการ)
หากยื่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก เอกสารอาจสั้นกว่า แต่หลัก “ครบและตรวจสอบได้” ยังสำคัญ—สอดคล้องกับคำแนะนำฝั่งหอการค้าไทยเรื่อง “เตรียมข้อมูลและเอกสารให้ครบถ้วน–เลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้เหมาะธุรกิจ” ซึ่งช่วยให้การพิจารณาเร็วขึ้นจริง
คอมเมนต์เชิงวิเคราะห์: ทำไม 8 ส่วนนี้ช่วย “เร่งเวลาตัดสินใจ”
-
ลดความไม่แน่นอน: ฝ่ายเครดิตไม่ต้องเดาว่าคุณจะใช้เงินไปทำอะไรและจะจ่ายคืนอย่างไร เพราะระบุ “Use of Funds + Repayment” ชัด
-
เชื่อมโยงตัวเลขกับเรื่องเล่า: จาก “ธุรกิจดี มีลูกค้าเยอะ” → เป็นยอดขาย/มาร์จิ้น/รอบเก็บเงินที่พิสูจน์ได้
-
สอดคล้องกับสภาวะตลาด: ในช่วงดอกเบี้ยทรงตัว–พร้อมผ่อน หากคุณเตรียมแผนและเอกสารครบ ธนาคารมีแนวโน้มพิจารณาได้รวดเร็วกว่า เพราะความเสี่ยงทางข้อมูลต่ำลง (และเงื่อนไขสามารถจูนให้เหมาะธุรกิจ เช่น ค่างวดตามฤดูกาล)
-
รองรับผลิตภัณฑ์หลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบใช้หลักประกัน, สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์ (อาจใช้ผู้ค้ำ/โครงการค้ำประกันรัฐ) หรือวงเงินหมุนเวียน—โครง 8 ส่วนทำให้ “จับคู่ผลิตภัณฑ์กับความต้องการ” ได้ตรงจุดมากขึ้น (ธนาคารหลายแห่งก็มีตัวเลือกทั้งมีหลักประกันและสินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับsme)
วิธีใช้บทความนี้ (Check-list ยื่นกู้แบบรวดเร็ว)
-
เขียน Executive Summary 1 หน้า ครบ 5 บรรทัดทอง: เราคือใคร–ทำอะไร–กู้เท่าไร–เอาไปทำอะไร–จ่ายคืนยังไง
-
เติมเนื้อหาอีก 7 ส่วน ให้ครบ (ธุรกิจ/สินค้า/ตลาด/ปฏิบัติการ/ใช้เงิน/จ่ายคืน/ทีม+เอกสาร)
-
แนบหลักฐานทางการเงินที่ตรวจสอบได้ พร้อมรายการเอกสารตามที่ธนาคารและหน่วยงานรัฐแนะนำ (ขอรายการจากเว็บไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้)
-
ตรวจคีย์เวิร์ดในเนื้อหาให้เข้าเป้าผู้อ่านที่ค้นหา “สินเชื่อเพื่อธุรกิจ”, “สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก”, “สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์” โดยใช้ตามธรรมชาติ ไม่ยัดคำ
สรุปสั้น
Business Plan ที่ธนาคารอยากเห็น ไม่ใช่ เอกสารหรู ๆ หลายร้อยหน้า แต่คือ แผน 8 ส่วนที่อ่านแล้วตัดสินใจได้: เล่าให้ชัด–มีตัวเลข–มีหลักฐาน–รู้ว่าจะใช้เงินทำอะไรและจ่ายคืนอย่างไร ในบริบทที่นโยบายการเงินยังเอื้อกับดีลที่ข้อมูลครบ ธุรกิจที่เตรียมแผนและเอกสารได้ดีจึง “เห็นคำตอบไวกว่า” ทั้งสำหรับ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก และดีลขยายการลงทุนที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต.
อ่านต่อ (บทความหลักของคุณ)
ต้องการตัวอย่างเต็ม ๆ พร้อมแบบฟอร์ม/ภาพประกอบ และรายละเอียดเชิงลึกของโครง 8 ส่วนสำหรับยื่นกู้ธนาคาร ไปต่อที่บทความหลัก:
➡️ สร้างBusinessPlanยังไงให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อเพื่อธุรกิจ