|
| ราคา | : 590 บาท |
| ประเภทประกาศ | : ประกาศ/ประชาสัมพันธ์ |
| สภาพสินค้า | : ใหม่ |
| เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ | : 02-399-5944 |
| |
| จำนวนผู้เข้าชม | : 13 ครั้ง |
|
|
คลิกที่รูปภาพเพื่อดูขนาดใหญ่
อาการปวดท้องข้างขวาเป็นอาการที่หลายคนอาจเคยเป็น แต่กลับมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น กินเยอะไป นอนผิดท่า หรืออาหารไม่ย่อย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว อาการปวดบริเวณนี้อาจเกี่ยวข้องกับอวัยวะสำคัญหลายส่วน เช่น ตับ ถุงน้ำดี ลำไส้ส่วนต้น หรือแม้แต่กล้ามเนื้อหน้าท้องเอง การสังเกตลักษณะอาการปวดร่วมกับอาการอื่น ๆ จึงมีความสำคัญอย่างมาก
ตำแหน่งปวดข้างขวา อยู่ส่วนไหนบ้าง?
โดยทั่วไปอาการปวดท้องข้างขวามักแบ่งตามตำแหน่งได้คร่าว ๆ ดังนี้
- ชายโครงขวา – บริเวณใต้ซี่โครงด้านขวา มักเกี่ยวข้องกับตับ ถุงน้ำดี หรือกระบังลม
- ท้องขวาส่วนบน – อาจเกี่ยวข้องกับตับ ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร หรือลำไส้ส่วนต้น
- ท้องขวาส่วนล่าง – มักนึกถึงไส้ติ่ง ลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่ส่วนต้น
- ปวดแสบ ปวดตื้อ หรือปวดจี๊ดเป็นครั้งคราว – ลักษณะการปวดช่วยบอกถึงชนิดของความผิดปกติได้บ้าง
สาเหตุที่พบบ่อยของอาการ ปวดท้องข้างขวา
อาการปวดท้องข้างขวาอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงภาวะที่ต้องรีบพบแพทย์ เช่น
1. ปัญหาที่เกี่ยวกับตับ
- ไขมันพอกตับ / ตับโต – บางคนอาจรู้สึกแน่น ๆ หรือจุก ๆ บริเวณชายโครงขวา เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- ตับอักเสบ – อาจมีปวดตื้อ ๆ ข้างขวา ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ตาเหลือง ตัวเหลือง
2. โรคถุงน้ำดี
- ถุงน้ำดีอักเสบ – มักปวดรุนแรงบริเวณชายโครงขวา ปวดร้าวไปหลังหรือไหล่ขวา อาจมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน
- นิ่วในถุงน้ำดี – ปวดเป็นพัก ๆ หลังทานอาหารมัน หรือมื้อใหญ่ รู้สึกแน่นท้อง ท้องอืดร่วมด้วย
3. ไส้ติ่งอักเสบ
ในระยะเริ่มต้นอาจปวดบริเวณรอบสะดือ จากนั้นค่อย ๆ ย้ายไปปวดท้องข้างขวาล่าง ปวดมากขึ้นเมื่อไอ จาม เดิน หรือกระโดด บางรายมีไข้ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร หากสงสัยไส้ติ่งอักเสบควรรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
4. ปัญหาจากลำไส้
- ลำไส้อักเสบ – ปวดบิด ๆ ท้องเสีย ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกหรือเลือด
- ท้องอืด แก๊สเยอะ – ปวดแน่น ๆ หนัก ๆ ข้างขวา หลังรับประทานอาหาร
5. สาเหตุอื่น ๆ
- กล้ามเนื้อหน้าท้องตึงหรืออักเสบ – มักปวดเมื่อขยับตัว ยกของ หรือบิดตัว
- ปวดจากกระดูกสันหลังหรือเส้นประสาท – ปวดร้าวจากหลังมาด้านข้าง ร่วมกับอาการชา หรือเจ็บเวลาขยับ
สังเกตอย่างไร ว่าควรรีบไปพบแพทย์?
แม้อาการปวดท้องข้างขวาบางครั้งจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว:
- ปวดรุนแรงเฉียบพลัน เจ็บจนทนไม่ไหว
- ปวดต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง หรือหลายวันโดยไม่ดีขึ้น
- มีไข้ หนาวสั่น ร่วมกับอาการปวด
- คลื่นไส้ อาเจียนมาก เบื่ออาหารอย่างชัดเจน
- ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด
- ท้องแข็ง ท้องโต แน่นจนหายใจลำบาก
อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะอันตราย เช่น ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอักเสบ หรือตับอักเสบขั้นรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและดูแลโดยแพทย์ทันที
วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อมีอาการปวดท้องข้างขวา
- หยุดสังเกตอาการ – ดูว่าเป็นแบบปวดจี๊ด ปวดตื้อ ปวดบิด ๆ หรือปวดตอนทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด หรือมื้ออาหารหนัก ๆ ชั่วคราว
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ พักผ่อนให้มากขึ้น
- ห้ามกินยาแก้ปวดแรง ๆ หรือยาลดอักเสบเองติดต่อกัน โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะบางชนิดมีผลต่อตับและกระเพาะ
- หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1–2 วัน หรือมีอาการร่วมอื่นที่น่าเป็นห่วง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
อย่ามองข้ามอาการปวดข้างขวา – ตับและถุงน้ำดีก็สำคัญ
เพราะบริเวณท้องข้างขวามีอวัยวะสำคัญอย่างตับและถุงน้ำดีอยู่ การปวดในบริเวณนี้ซ้ำ ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะหากมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แน่นชายโครงขวา หรือผลตรวจสุขภาพเคยพบค่าตับผิดปกติ ควรให้ความสำคัญกับการตรวจเช็กสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการกิน พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์
อาการปวดท้องข้างขวาอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ภาวะไม่รุนแรงไปจนถึงโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน จุดสำคัญคืออย่าชะล่าใจ หากปวดบ่อยขึ้น ปวดนานขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ไข้ คลื่นไส้ ตาเหลือง ตัวเหลือง ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการดูแลให้ถูกต้องตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
บทความนี้ให้ข้อมูลในเชิงความรู้ ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยหรือคำแนะนำจากแพทย์ หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทุกครั้ง
วันที่ลงประกาศ:
เมื่อวานนี้ 17:17
วันสิ้นสุดประกาศ:
19 กุมภาพันธ์ 2026 17:17
ติดต่อเจ้าของประกาศ:
(ใช้ฟอร์มติดต่อด้านล่าง)
|